Shopify VS WooCommerce: เปิดร้านออนไลน์เลือกแพลตฟอร์มไหนดี?

บทนำ: คำถามโลกแตกของสาย eCommerce – Shopify หรือ WooCommerce?
หากคุณกำลังจะเริ่มต้นร้านค้าออนไลน์ หรือกำลังคิดจะย้ายระบบ
คำถามที่เจอบ่อยที่สุดก็คือ...
“ระหว่าง Shopify กับ WooCommerce เราควรเลือกอะไรดี?”
ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้เป็นเครื่องมือสร้างร้านค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก
แต่มีโครงสร้าง วิธีการใช้งาน และข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างมาก
บทความนี้จะช่วยคุณ เปรียบเทียบ Shopify VS WooCommerce แบบเจาะลึก
เพื่อให้คุณเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับ “รูปแบบธุรกิจและทรัพยากรที่คุณมี” มากที่สุด
🗂 สารบัญ
- ภาพรวม: Shopify VS WooCommerce ต่างกันอย่างไร?
- ข้อดีของ Shopify
- ข้อดีของ WooCommerce
- ข้อเสียของแต่ละแพลตฟอร์ม
- เปรียบเทียบด้านต่าง ๆ: ใช้งานจริง
- ธุรกิจแบบไหนเหมาะกับแพลตฟอร์มไหน?
- สรุป: Shopify หรือ WooCommerce ดีกว่ากันแน่?
- FAQ: คำถามที่พบบ่อย
ภาพรวม: Shopify VS WooCommerce ต่างกันอย่างไร?
คุณสมบัติหลักShopifyWooCommerceประเภทระบบSaaS (บริการรายเดือน)Plugin บน WordPress (Open-source)ความง่ายในการเริ่มต้นง่ายมาก (คลิกไม่กี่ครั้ง)ต้องติดตั้ง WordPress ก่อนความยืดหยุ่นปานกลาง (อยู่ในกรอบของระบบ)สูงมาก (ปรับแต่งได้ทุกจุด)ค่าธรรมเนียมมีค่าใช้จ่ายรายเดือน + ค่าธรรมเนียมต่อรายการฟรี (จ่ายเฉพาะ Hosting + Plugin เสริม)การดูแลระบบShopify ดูแลให้ทั้งหมดผู้ใช้ต้องดูแลเองทั้งหมด
ข้อดีของ Shopify
✅ ใช้งานง่ายมาก
- ไม่ต้องมีความรู้เรื่องเทคนิคหรือโค้ด
- ตั้งร้านได้ใน 10-15 นาที
✅ ระบบครบในตัวเดียว
- ระบบจัดการสินค้า, คลัง, ขนส่ง, การชำระเงิน ครบวงจร
- มี App Marketplace ให้เสริมฟีเจอร์
✅ รองรับการขายระดับโลก
- เชื่อมต่อกับ Facebook, Instagram, Google Shopping ได้ในไม่กี่คลิก
- รองรับหลายสกุลเงินและหลายภาษา (Shopify Markets)
✅ ความเสถียรสูง
- ไม่ต้องกลัวเว็บล่มเวลา Traffic เยอะ
- Shopify ดูแลเรื่อง Hosting และ Security ทั้งหมด
ข้อดีของ WooCommerce
✅ ฟรี และยืดหยุ่นสูง
- ตัวปลั๊กอินพื้นฐานฟรี 100%
- ปรับแต่งได้ทุกอย่าง (HTML, CSS, PHP)
✅ เหมาะกับคนที่ใช้ WordPress อยู่แล้ว
- สามารถเพิ่มร้านค้าออนไลน์ลงในเว็บไซต์ WordPress เดิมได้เลย
✅ มีปลั๊กอินให้เลือกใช้จำนวนมหาศาล
- ทั้งฟรีและเสียเงิน เช่น ระบบจัดส่ง, สั่งซื้อซ้ำ, ระบบสมาชิก ฯลฯ
✅ คุม Hosting และระบบเองได้หมด
- เลือกเซิร์ฟเวอร์ ความเร็ว ปลอดภัย ได้ตามใจ
ข้อเสียของแต่ละแพลตฟอร์ม
❌ Shopify
- มีค่าใช้จ่ายรายเดือน (เริ่มต้นที่ $39/เดือน)
- ถ้าใช้ Payment Gateway ภายนอก อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- จำกัดความสามารถด้าน Custom ถ้าไม่ใช้ Shopify Plus
❌ WooCommerce
- ต้องดูแลระบบ Hosting, ความปลอดภัย, การอัปเดตเอง
- ถ้าใช้ Plugin เยอะอาจทำให้เว็บช้าหรือไม่เสถียร
- อาจต้องใช้ Developer ถ้าต้องการปรับแต่งซับซ้อน
เปรียบเทียบด้านต่าง ๆ: ใช้งานจริง
หัวข้อShopifyWooCommerceเวลาเริ่มต้นใช้งานเร็วมากปานกลาง – ต้องติดตั้งหลายอย่างค่าดูแลระยะยาวรายเดือน (คงที่)เปลี่ยนแปลงตามการใช้งานจริงความยืดหยุ่นในการออกแบบปานกลาง (ใช้ Theme + Custom Code ได้บางส่วน)สูงมาก (แก้ได้ทุกจุด)ความเร็วเว็บไซต์เร็วและเสถียรขึ้นอยู่กับ Hosting และโค้ดการขายข้ามประเทศมีระบบรองรับในตัวต้องใช้ปลั๊กอินเสริมSEOดี (แต่ต้อง Optimize เพิ่ม)ยอดเยี่ยม (WordPress + Yoast SEO)
ธุรกิจแบบไหนเหมาะกับแพลตฟอร์มไหน?
✅ Shopify เหมาะกับ:
- เจ้าของธุรกิจที่ “ไม่ถนัดเทคโนโลยี” แต่ต้องการขายเร็ว
- คนที่อยากโฟกัสที่การตลาดและยอดขาย ไม่อยากวุ่นวายกับระบบ
- ธุรกิจที่ต้องการความเสถียรสูง และรองรับการ Scale ทั่วโลก
✅ WooCommerce เหมาะกับ:
- คนที่มีเว็บไซต์ WordPress อยู่แล้ว
- ธุรกิจที่ต้องการ Custom ระบบเฉพาะทาง เช่น ระบบสมาชิก, Course Online, ระบบจอง
- มีทีม Developer หรือมีความรู้ด้านเว็บไซต์พอสมควร
สรุป: Shopify หรือ WooCommerce ดีกว่ากันแน่?
คำตอบคือ: “ขึ้นอยู่กับคุณ”
หากคุณต้องการความเร็ว ความง่าย และไม่อยากยุ่งกับระบบ → Shopify คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
หากคุณต้องการควบคุมทุกอย่างเอง มีทีม Developer และต้องการระบบเฉพาะทาง → WooCommerce ตอบโจทย์กว่า
📌 และหากคุณยังลังเล… Vision X Brain ช่วยคุณได้!
🎯 Vision X Brain – ผู้เชี่ยวชาญ Shopify และ WooCommerce Development
เราช่วยคุณ:
- วิเคราะห์ธุรกิจและเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะที่สุด
- สร้างร้านออนไลน์ด้วย Shopify หรือ WooCommerce อย่างมืออาชีพ
- ปรับ UX/UI, SEO, และ CRO เพื่อเพิ่มยอดขาย
- พัฒนาเว็บให้พร้อมขยายสเกลในอนาคต
📞 [ปรึกษาฟรี คลิกที่นี่]
FAQ: คำถามที่พบบ่อย
❓ Q: Shopify เหมาะกับขายสินค้าประเภทใด?
A: เหมาะกับสินค้าทั่วไป เช่น เสื้อผ้า, อาหารเสริม, Gadget ที่ต้องการความเร็วในการขาย
❓ Q: WooCommerce ใช้ฟรีจริงไหม?
A: ใช้ฟรีจริงสำหรับตัว Plugin แต่ยังต้องเสียค่า Hosting, Theme, และ Plugin เสริม
❓ Q: ถ้าเริ่มต้นจาก Shopify แล้วอยากย้ายไป WooCommerce ได้ไหม?
A: ได้ครับ แต่อาจต้องมีทีม Dev ช่วยย้ายข้อมูล เช่น รายการสินค้า, ลูกค้า, Order
❓ Q: SEO Shopify กับ WooCommerce อันไหนดีกว่า?
A: WooCommerce ได้เปรียบเพราะอยู่บน WordPress แต่ Shopify ก็สามารถทำ SEO ได้ดีถ้าตั้งค่าเหมาะสม
❓ Q: สร้างเว็บด้วยตัวเองดีไหม หรือจ้างทีมมืออาชีพดีกว่า?
A: ถ้าอยากเริ่มไวและไม่อยากลองผิดลองถูก → จ้างทีมที่มีประสบการณ์จะคุ้มกว่า
❓ ยังมีคำถาม? ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรีตอนนี้เลย!
💡 ไม่ว่าคุณจะเริ่มใหม่หรืออยากย้ายแพลตฟอร์ม
ทักหาเราตอนนี้เพื่อประเมินฟรีว่า Shopify หรือ WooCommerce เหมาะกับคุณมากที่สุด
👉 [คุยกับเราตอนนี้ | ปรึกษาฟรี]
"ต้าคือผู้เชี่ยวชาญด้าน Webflow ตัวจริง! เว็บไซต์ของเราพัฒนาเร็วขึ้น 3 เท่า และ Conversion เพิ่ม 10X!"

Recent Blog

เจาะลึกเทคนิคทำ SEO บน Webflow ให้ติด Google หน้าแรกภายใน 4 สัปดาห์ ใช้ได้จริงทั้งโครงสร้าง H1-H6, Slug, Meta, CMS Blog และการเพิ่ม Page Speed พร้อมตัวอย่างและคำแนะนำจากมืออาชีพ

เจาะลึก 7 ฟีเจอร์ลับบน Webflow ที่เจ้าของเว็บมืออาชีพใช้เพิ่มยอดขายและ SEO! เช่น Webflow CMS, Animation, Zapier Integration, Client Mode และ Localization พร้อมตัวอย่างการใช้จริง

เจาะลึก 3 โครงสร้างหน้าเว็บที่ Webflow ใช้แล้ว Conversion พุ่ง! ตั้งแต่ Above the Fold ที่ดึงดูด, Trust Section ที่เพิ่มความมั่นใจ และ CTA Loop ที่ปิดการขายในทุก Section พร้อมตัวอย่าง UX จริง